ปัญหาดินถล่มในประเทศไทย นับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะภูมิอากาศของโลก และการใช้ประโยชน์ที่ดินบนที่สูงชันมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดีปัญหานี้อยู่ในพระเนตรพระกรรณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสมอมา จนกระทั่งเดือนสิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงรับสั่งกับ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ให้ ดำเนินการวิจัยและพัฒนาหาแนวทางป้องกันแก้ไขปัญหาดินถล่มบนที่สูงชันอย่างยั่งยืน โดยการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือ ไม่ว่าจะเป็นการปรับที่ดินทำกิน การปลูกพืชให้มีรากแก้วสลับกับรากลึก หรือปลูกแฝกสลับกับพืชอื่นร่วมกับการใช้โครงสร้างทางวิศวกรรมเสริมแรงเพื่อป้องกันดินถล่ม การจัดการร่องน้ำ และการหาแนวทางให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้ในการลดความเสี่ยง เป็นต้น
สำหรับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ได้มีส่วนร่วมงานกับมูลนิธิชัยพัฒนา โดยรองศาสตราจารย์ ดร.วรากร ไม้เรียง ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมปฐพีและฐานราก ซึ่งเคยเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภินิติ โชติสังกาศ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา ได้รับการแต่งตั้งจากมูลนิธิฯ เข้าร่วมเป็นกรรมการบริหารโครงการเพื่อศึกษาวิจัยและพัฒนาหาแนวทางป้องกันแก้ไขปัญหาดินถล่มบนที่สูงชันได้อย่างยั่งยืน ซึ่งนอกจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มก. แล้ว มูลนิธิชัยพัฒนาได้ประสานงานกับหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น มูลนิธิพลังที่ยั่งยืน สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ กรมทรัพยากรธรณี กรมป้องกันและบรรเทาสารธารณภัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกองทัพเรือ เป็นต้น เพื่อร่วมกันศึกษาอย่างบูรณาการหลากหลายสาขาวิชาเข้าด้วยกัน โดยแบ่งกลุ่มทำงานวิจัยออกเป็น 6 กลุ่ม ประกอบด้วย
- กลุ่มสารสนเทศและคำนวณวิเคราะห์
- กลุ่มวิศวกรรมและธรณีวิทยา
- กลุ่มอนุรักษ์ดิน ป่าไม้ และพืช
- กลุ่มสังคมวิทยาและถ่ายทอดความรู้
- กลุ่มบริหารจัดการความปลอดภัย และ
- กลุ่มบริหารโครงการและประสานงาน
รองศาสตราจารย์ ดร.วรากร ไม้เรียง ได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานวิจัยและหัวหน้ากลุ่มวิจัยที่ 2 รวมถึงเป็นหัวหน้าโครงการวิจัย เรื่อง “การศึกษาแบบจำลองทางวิศวกรรมปฐพีเพื่อการทำนายการเกิดดินถล่มในพื้นที่ลาดชัน” และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภินิติ โชติสังกาศ ได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย เรื่อง “การประยุกต์ใช้วิธีวิศวกรรมชีวภาพเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาดินถล่มระดับตื้น” และเป็นผู้ประสานงานหลักในโครงการวิจัย เรื่อง “การประยุกต์ระบบเฝ้าระวังภัยดินถล่ม โดยปัจจัยสภาพอากาศ แรงดันน้ำใต้ดิน และการเคลื่อนตัวของดิน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน” ซึ่งเป็นงานวิจัยร่วมกันระหว่างกองทัพเรือ และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.)
รองศาสตราจารย์ ดร.วรากร ไม้เรียง กล่าวว่า “ลักษณะงานวิจัยในโครงการนี้มีความหลากหลาย ทั้งการเก็บรวมรวมข้อมูลดินถล่มภาคสนาม สภาพธรณีวิทยา ปฐพีกลศาสตร์ พืชพรรณ เป็นต้น และการจัดทำฐานข้อมูล การสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ (KU-Slope) การเตือนภัย การออกแบบโครงสร้างร่วมกับการใช้พืชในการเสริมเสถียรภาพของลาด ซึ่งเป็นการร่วมงานด้านกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และกรมทางหลวง ตลอดจนการใช้อุปกรณ์วัด KU-Tensiometer ร่วมกับเทคโนโลยีเตือนภัยโคลนถล่มของกองทัพเรือ และสถานีตรวจวัดอากาศโดย สสนก. ฯลฯ โดยงานวิจัยนี้มีลักษณะเชิงพื้นที่ (Area-based research) และเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยมีพื้นที่ต้นแบบในการศึกษาวิจัย 2 แห่ง ได้แก่ บ้านหน้าถ้ำ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฏร์ธานี และ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ และจะรวมถึงพื้นที่โครงการอื่นๆของมูลนิธิฯซึ่งพบปัญหาดินถล่มบนที่สูงชันด้วยต่อไปในอนาคต”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภินิติ โชติสังกาศ กล่าวเสริมว่า “งานวิจัยดังกล่าวนับเป็นความต่อเนื่องจากโครงการต่างๆ ด้านดินถล่มซึ่งทางศูนย์วิจัยและพัฒนาวิศวกรรมปฐพีและฐานราก และภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวฯ มก. ได้ดำเนินมากว่า 10 ปี และได้ผลิตบัณฑิตระดับปริญญาเอกและโทไปแล้วกว่า 10 ท่าน ในปัจจุบันมีนิสิตทั้งระดับปริญญาโทและปริญญาตรี เข้าร่วมในงานวิจัยดังกล่าวกว่า 10 คน นับเป็นความภาคภูมิใจของบุคลากรภาควิศวกรรมโยธาที่ได้รับสนองพระราชดำริ ปฏิบัติหน้าที่ให้กับมูลนิธิชัยพัฒนาในโอกาสนี้”