คณะวิศวกรรมศาสตร์ จัดพิธีเปิดศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Data Center) ขึ้น เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2557 โดยมีรองศาสตราจารย์วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานและรับมอบเซิร์ฟเวอร์สมรรถนะสูงจาก Mr.Shuichi Ikeda หัวหน้าคณะผู้แทนองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ประจำประเทศไทย เพื่อใช้ในการเรียนการสอนและการวิจัยของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มก. นอกจากนั้นยังมีรองศาสตราจารย์ ดร.ธัญญะ เกียรติวัฒน์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ Prof.Dr.Taikan Oki, Tokyo University Chief Advisor of IMPAC-T และอาจารย์นนทวัฒน์ จันทร์เจริญ ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งคณะผู้บริหาร คณาจารย์ ตลอดจนนักวิจัยในโครงการ IMPAC-T ร่วมในพิธีที่จัดขึ้น ณ อาคารบุญสม สุวชิรัตน์ คณะวิศวกรรมศาสตร์
ศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จัดตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์ มก. กับโครงการวิจัย IMPAC-T (Integrated Study Project on Hydro-Meteorological Prediction and Adaption to Climate Change in Thailand) ภายใต้การสนับสนุนจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency Thailand Office: JICA)
ภายในศูนย์ข้อมูลฯ มีเซิร์ฟเวอร์สมรรถนะสูง (HPS) ขนาดใหญ่และขนาดกลาง ประมาณ 20 เครื่อง ในการเก็บข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย รวมทั้งระบบการทำนายปริมาณน้ำฝน ระบบการเตือนภัยน้ำท่วมและดินถล่ม และระบบสารสนทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีโครงการ IMPAC-T พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ประมวลผลแบบจำลองทางอุทกวิทยาและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 และสิ้นสุดโครงการในเดือนมีนาคม 2557 โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก JICA เป็นเงินจำนวนประมาณ 25 ล้านบาท
สรุป Outputs/Outcomes ที่สำคัญของโครงการวิจัย IMPAC-T
โครงการวิจัย IMPAC-T มีโครงสร้างที่แตกต่างไปจากโครงการวิจัยอื่นโดยทั่วไป คือ นำนักวิจัยหรืออาจารย์ในมหาวิทยาลัยมาทำวิจัยร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานภาคปฎิบัติ ทำให้หัวเรื่องการวิจัยมาจากงานหรือปัญหาจริงของหน่วยงานปฎิบัติและผลลัพธ์ที่ได้จากการวิจัยเกือบทั้งหมดสามารถนำไปสนับสนุนการทำงานจริงของผู้ปฎิบัติได้ทันทีอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่ง Outputs และ Outcomes ที่สำคัญของโครงการวิจัย IMPAC-T สรุปได้ดังนี้
1) การติดตั้งสถานีตรวจวัดการแลกเปลี่ยนน้ำ พลังงาน และคาร์บอน ระหว่างระบบนิเวศและบรรยากาศในพื้นที่การเกษตร
โครงการ IMPAC-T ได้ติดตั้งสถานีตรวจวัดการแลกเปลี่ยนน้ำ พลังงาน และ คาร์บอน หรือเรียกว่า ฟลักส์ (Flux) ระหว่างระบบนิเวศและบรรยากาศ จำนวน 4 แห่ง ในนาข้าว ไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง และ ป่าไม้เขตร้อน ที่จังหวัดราชบุรี นครสวรรค์ ตาก และ พะเยา ตามลำดับ เพื่อให้สามารถทราบปริมาณการแลกเปลี่ยนมวลสารเหล่านี้ระหว่างพื้นผิวโลกของประเทศไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่การเกษตรกับชั้นบรรยากาศ โดยสถานีวัดแต่ละแห่ง (Flux tower) ติดตั้งอุปกรณ์วัดนับ 10 ชนิด ที่สำคัญคือ อุปกรณ์วัดการปล่อย CO2 ซึ่งเป็นตัวสำคัญที่ทำให้เกิดแก๊สเรือนกระจก และนำไปสู่สภาวะโลกร้อน หรือ Climate Change โดย มักกล่าวกันว่านาข้าวเป็นแหล่งที่มีอัตราการปล่อย CO2 ออกมาสู่บรรยากาศมากที่สุด
ข้อมูลจากทั้ง 4 สถานีถูกส่งผ่านทางระบบโทรมาตรมายัง Climate Change Data Center แบบออนไลน์ นอกจากนั้นยังได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับเครือข่ายหน่วยงานวิจัยด้านฟลักซ์ทั่วโลก (Flux Pro) ซึ่งสามารถดูรายละเอียดของข้อมูลได้จากทางเว็บไซด์ http://impact.eng.ku.ac.th ข้อมูลและความรู้ที่ได้ เป็นประโยชน์ต่อการจัดการทรัพยากรน้ำ การเพาะปลูก/ประเมินความต้องการน้ำ การตอบสนองของระบบนิเวศต่อการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาเครื่องมือ/แบบจำลองเพื่อการจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดิน และ การศึกษาผลของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
2) การประมาณฝนตกโดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียมและเรดาร์ (Rainfall Estimation by Sattelite and Radar)
โครงการ IMPAC-T ได้ศึกษาวิจัยเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการพยากรณ์ฝนตก โดยใช้ดาวเทียมและเรดาร์ตรวจจับสภาพและอุณหภูมิของเมฆฝนพร้อมทั้งมีการพัฒนาแบบจำลองทางคณิตศาสตร์หรือโมเดลเพื่อคาดการณ์พื้นที่ฝนตกและปริมาณน้ำฝน ทั้งนี้อาศัยภาพถ่ายดาวเทียมจากสถานีรับสัญญาณดาวเทียมจุฬาภรณ์และเรดาร์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ผลที่ได้จึงสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาได้เป็นอย่างดี อันจะทำให้การพยากรณ์มีการตรวจสอบความถูกต้องตรงกันหลายแนวทางและมีความแม่นยำขึ้น
นอกจากนั้นยังนำผลที่ได้ไปใช้งานจริงกับภารกิจของสำนักงานฝนหลวงและการบินเพื่อการเกษตร เพื่อวิเคราะห์และตรวจสอบพื้นที่ทำการบินในการทำฝนหลวงอีกด้วย รายละเอียดดูได้จาก http://dvbs.ee.ku.ac.th