ENG KU NEWS

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2566
ข่าวล่าสุด :
คณะครู-นักเรียน โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ เยี่ยมชมคณะวิศวฯคณะวิศวฯ ม.เกษตรศาสตร์ ร่วมกับ SIT ประเทศญี่ปุ่น และ AIT จัดงาน global Project-Based Learning (gPBL-Thailand-2025)ศูนย์วิศวกรรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม บางเขน ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ Carbon Neutral Workshopคณะวิศวฯ ร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่างกรุงเทพมหานครกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และพิธีเปิด โครงการ KU Innovation ครั้งที่ 5คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับใบประกาศเกียรติคุณสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจกผู้บริหารคณะวิศวฯ นำนิสิตผู้เข้าร่วมการแข่งขัน Pitching Startup Thailand League 2025 เข้าพบผู้บริหารมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์คณะวิศวฯ-ศูนย์ AI Innovator KU จัดงาน AI Innovator Pitching Dayคณะครู-นักเรียน โรงเรียนเพชรพิทยาคม เยี่ยมชมคณะวิศวฯโครงการ IUP จัดพิธีปฐมนิเทศนิสิตต่างชาติคณะวิศวฯ มก. – WD ประเทศไทย จัดกิจกรรมการนำเสนอผลงาน ภายใต้โครงการ Advanced Technology Upskill Development Program for Smart Manufacturing 4.0

Start อย่างไรให้ Up

“แบดด์” ปรัชญา ไพศาลวิภัชพงศ์ นิสิตเก่าวิศวฯ กับการเป็น CEO รุ่มใหม่ ข้อคิดจากปรัชญา ไพศาลวิภัชพงศ์ CEO, AdsOptimal นิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์ รุ่น CPE18 E60 KU64

            เมื่อพูดถึงคำว่า “Startup” ในวันนี้ หลายคนมักจะนึกถึงกระแสที่กำลังเป็นที่นิยมของคนรุ่นใหม่ในการสร้างธุรกิจเทคโนโลยีซึ่งกว่าจะเป็น Startup ที่ประสบความสำเร็จได้ ต้องฝ่าฟันและต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง “แบดด์ ปรัชญา ไพศาลวิภัชพงศ์” นิสิตเก่าวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะมาเล่าถึงเส้นทางสู่การเป็น Startup ที่ประสบความสำเร็จได้ในวันนี้กับระยะเวลากว่า 8 ปี หลังเรียนจบที่คณะวิศวฯ มก. ต้องพบเจอกับอะไรบ้าง กว่าจะได้เป็น CEO ของบริษัทที่ได้ชื่อว่าเป็น Startup ของคนไทยเพียงแห่งเดียวในซิลิคอนวัลเลย์ สหรัฐอเมริกา แหล่งรวมบริษัทไอทีชื่อดังที่นักเทคโนโลยีหลายคนต้องการเข้าทำงาน

เชื่อมั่น – ลงมือทำ – พัฒนาตลอดเวลา

ปรัชญา มีข้อคิดอยู่สามอย่างในการทำงาน คือ เชื่อมั่น ลงมือทำ และพัฒนาอยู่ตลอดเวลา โดยไม่ลืมที่จะสนุกกับงานที่ทำด้วย บางทีการที่เราจริงจังกับบางสิ่งเกินไป อาจทำให้เราลืมจุดประสงค์ของการใช้ชีวิตไป และนอกจากจะทำให้คนอื่นรู้สึกดีแล้ว ตัวเราเองต้องรู้สึกดีกับทุกสิ่งที่ทำด้วยไม่ว่าแต่ละคนจะมีจุดหมายในชีวิตอย่างไร

เชื่อมั่น อย่างแรกต้องเชื่อว่าสิ่งที่เราทำอยู่มีคุณค่ามากพอที่จะทำให้เราจดจ่อเพื่อไปสู่จุดหมายเหล่านั้น ต้องถามตัวเองว่า สิ่งที่เราเชื่อมั่นนั้นสำคัญที่สุดกับเราจริงหรือเปล่า เช่น การตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พอเราทำอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ได้ เราก็มองไปว่า สุดท้ายเราทำได้แค่ไหน ดูเป็นวิสัยทัศน์ที่ทะเยอทะยาน แต่ว่าถ้าหากทำได้สำเร็จ นับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่า นอกจากเชื่อมั่นแล้วต้องลงมือทำด้วย ถ้าเราจะลงมือทำธุรกิจ ต้องมี 3 อย่าง คือ มีแผน สร้างทีมงาน และการหาพันธมิตร

  1. มีแผน การมีแผนจะทำให้เรารู้ทิศทางของการทำงาน หากเรา ไม่มีแผน เมื่อต้องคุยงานกับคนอื่น จะทำให้คนอื่นจะไม่เข้าใจว่าเราต้องการจะทำอะไร
  2. ต้องมีทีมงาน เพราะธุรกิจทำงานกันเป็นทีม และคนเดียวไม่สามารถทำงานได้ทุกอย่าง
  3. หาพันธมิตร

นอกจากจะเชื่อมั่นและลงมือทำแล้ว การพัฒนาตลอดเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำงานซึ่งหากได้ลองลงมือทำอะไรบ้างอย่าง เราควรรู้ว่า มีจุดไหน สิ่งไหนที่เราทำได้ไม่ดี และควรพัฒนาตัวเองในจุดนั้นๆ เพื่อให้ดียิ่งขึ้น การพัฒนาตลอดเวลาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญทั้งการพัฒนาตนเอง และการพัฒนางาน

ทุกคนนั้น ต้องเริ่มพัฒนาจาการที่ยังไม่รู้อะไรมาก่อนเสมอ การทำธุรกิจ startup ก็เช่นเดียวกัน จากเริ่มหัดทำด้วยตัวเองต้องหัดให้ชำนาญมากขึ้นถึงจะเริ่มถ่ายทอดความรู้ไปสู่ทีมงานได้และพัฒนาทีมงานให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ จึงจะทำให้ธุรกิจเป็นที่ยอมรับของตลาดได้

จุดเริ่มต้น… ก่อนออกตัวสตาร์ท

ปรัชญาได้เล่าถึงเส้นทางก่อนที่จะได้เปิดบริษัทเป็นของตนเองโดยเริ่มตั้งแต่สมัยเรียนที่ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนถึงช่วงการเริ่มพัฒนาผลงานและหาประสบการณ์ในการทำงานต่างประเทศ ก่อนสุดท้ายจะเปลี่ยนบทบาท เป็น CEO อย่างในปัจจุบัน ซึ่งในแต่ละช่วงชีวิตปรัชญาได้เก็บเกี่ยวการเรียนรู้และประสบการณ์ทุกเม้ด และได้นำสิ่งเหล่านั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์เมื่อต้องพัฒนางานของตนเองและยังพัฒนาอย่าง ไม่หยุดยั้งตลอดเวลา

ปี 2006 (พ.ศ.2549) นับเป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักกับซิลิกอน วัลเลย์ (Silicon Valley) จากการเข้าค่ายโครงการแลกเปลี่ยนกับนักเรียนไทยในมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด จากการเข้าค่ายทำให้ซึมซับความรู้มาทั้งด้านธุรกิจอินเทอร์เน็ต และเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ซึ่งในการพรีเซนต์ได้เจอกับชาวต่างชาติทำให้รู้ว่าหากเราจะเติบโตไประดับโลกได้นั้น เรายังต้องพัฒนาตัวเองอีกมากจึงได้เริ่มฝึกภาษาด้วนการดูภาพยนตร์อังกฤษแล้วปิดข้อความที่แปลภาษาไทยออก หรือการเข้าร่วมโครงการต่างๆ ที่ต้องพัฒนางานให้เป็นระดับนานาชาติมากขึ้น นอกจากการฝึกฝนทักษะด้านภาษาแล้วยังต้องฝึกคิดค้นและทดลองทำธุรกิจไปด้วยซึ่งในภาพรวมนี้การฝึกฝนอะไรก็ตาม ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เวลา ไม่ใช่ว่าจะฝึกฝนแล้วสำเร็จได้ในทันทีทันใด

จนแม้แต่ทุกวันนี้ ปรัชญาก็ยังต้องขวนขวายหาความรู้และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ปี 2008 (พ.ศ.2551) เป็นช่วงที่เริ่มทำงานกับบริษัทไมโครซอฟต์สาขาใหญ่ ในรัฐวอชิงตัน ที่จริงการทำงานในบริษัทใหญ่ๆ แบบไมโครซอฟต์นั้นค่อนข้างง่ายกว่าการสร้างธุรกิจของตัวเอง เพราะมีความชัดเจนในสิ่งที่ต้องทำมากกว่า แต่เนื่องจากเป็นช่วงแรกๆ ที่ต้องใช้ชีวิตและทำงานในต่างประเทศ จึงต้องใช้เวลาเรียนรู้ในการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตจากการเป็นนิสิตไทยเป็นบุคลากรทำงานกับทีมในไมโครซอฟต์ ซึ่งการทำงานให้ดีได้นั้นนอกจากจะต้องใช้ทักษาะการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เก่งแล้ว ยังต้องฝึกฝนศิลปะในการพูด เพื่อที่ใช้สื่อสารอธิบาย หรือโน้มน้าวคนในทีมให้เข้าใจเรา ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็นสิ่งหลักๆ ที่การทำงานในบริษัทใหญ่ๆ ช่วยพัฒนาให้เราดีขึ้น

ในช่วงสองปีแรกนั้นทำงานอยู่ในทีม Office.com ในส่วนของ Office Online ซึ่งเป็นระบบเปลี่ยนการจัดเก็บไฟล์เอกสารบนคอมพิวเตอร์แบบเดิมๆ ให้มาจัดเก็บและใช้งานแบบออนไลน์แทน และหลังจากทำงานที่ไมโครซอฟต์ได้สองปีก็ตัดสินใจย้ายมาหาประสบการณ์ที่กูเกิ้ลสาขาใหญ่ใน Mountain View โดยอยู่ในทีมสร้างโฆษณาในรูปแบบวิดีโอบนผลการค้นหาของกูเกิ้ล นอกจากนี้ปรัชญายังได้ใช้เวลาว่างเข้าร่วมงานแข่งขันไอเดียธุรกิจเพื่อพบปะกับคนในท้องถิ่นและสร้างทีมเพื่อทดลองทำธุรกิจเล็กๆ ด้วยกัน

ปี 2012 (พ.ศ.2555) เมื่อเริ่มหาประสบการณ์จากการทำงานในไมโครซอฟท์และกูเกิ้ลมาได้ครบสี่ปีแล้ว ก็ตัดสินใจเริ่มแสวงหาหนทางในการตั้งบริษัทและเริ่มเรี่ยรายเงินลงทุนจากนักลงทุนใน Silicon Valley นี้สิ่งที่นักลงทุนที่นี่มองหาคือ เขาต้องการธุรกิจที่มีโอกาสสำเร็จแบบผูกขาดได้ในระดับโลกโดยที่เขายอมรับความเสี่ยงในการลงเงินลงทุนให้

ในช่วงนั้นเองเป็นช่วงที่ได้เข้าร่วมโครงการบ่มเพาะธุรกิจ startup Y-Combinator พอดี ใน Y-Combinator นั้นมีการนำ startup ที่ประสบความสำเร็จอย่าง Instagram Dropbox และ Airbnb มาเล่าชีวิต ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจให้ฟังเพื่อให้เราซึมซับเรื่องสำคัญของสิ่งที่เจ้ของธุรกิจต้องทำเพื่อให้ธุรกิจเติบโตไปจนสำเร็จได้ในระดับโลก พร้อมกับช่วยขัดเกลาการนำเสนอ ช่วยดึงเงินลงทุนจากกองทุนชื่อดังใน Silicon Valley อย่าง Andresen Horowitz, SV Angel และ Start Fund มาให้

การได้รับเงินทุนมาใช้สร้างธุรกิจนั้น นักลงทุนนอกจากมองหาไอเดียที่ดีแล้ว เขายังมาหาบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและทีมงานชั้นเลิศที่มีผลงานด้วยกันมาก่อน ซึ่งของทุกสิ่งเหล่านี้ปรัชญาได้เรียนรู้และเตรียมตัวมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว จะเห็นได้ว่าทุกอย่างนั้นได้มาจากการฝึกฝน โดยมีความเชื่อมั่น ลงมือทำ และพัฒนาตนเองเรื่อยมา

ปี 2013 (พ.ศ.2556) เป็นช่วง Takeover ธุรกิจมาเป็นของตัวเอง และเป็นผู้บริหารเอง โดยเลือกธุรกิจโฆษณา เพราะว่าช่วงที่ทำงานอยู่ที่ Google มีหน้าที่ทำโฆษณาบน Google และทำธุรกิจออนไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว เลยคิดว่าเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับตนเองได้ เลยเลือกที่จะทำธุรกิจโฆษณา แต่การที่จะเปลี่ยนไอเดียจากของเดิมๆ เราต้องบริหารจัดการภายในบริษัทก่อน ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ สร้างลูกค้าใหม่ ให้ความเชื่อมั่นกับผู้ที่จะลงทุนด้วยธุรกิจจะดำเนินการต่อไปได้อย่างไร โดยเชื่อว่า ถ้าตัวเองยังชนะตัวเองไม่ได้ จะเป็นผู้นำคนอื่นได้อย่างไร “เอาชนะตัวเอง ก่อนจะนำผู้อื่น”

ปี 2015 (พ.ศ.2557) ได้ผลิตภัณฑ์ออกมา 1 ชิ้น คือ การเอาโฆษณาไปติดบนเว็บไซต์แล้วเราก็แบ่งรายได้กับเจ้าของเว็บไซต์ แต่ในที่สุดได้คิดค้นเป็นผลิตภัณฑ์โฆษณารูปแบบ 360 องษา หรือ Virtual Reality เช่น โฆษณารถฮอนด้าที่เสมือนผู้ใช้งานเข้าไปนั่งขับรถคันนี้จริง ผลิตภัณฑ์นี้ได้แนวคิดมาจากการซื้อกล้อง 360 องศา มาใช้งานและเขียนโปรแกรมจากความรู้ที่มี จากการค้นพบนี่เอง ทำให้รู้ว่า การทำอะไรให้ดีขึ้นกว่าเดิม แตกต่างจากเดิม จะทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นขายได้

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการถ่ายทอดประสบการณ์กว่า 8 ปี หลังเรียนจบจากคณะวิศวฯ มก. ของปรัชญา startup คนไทยที่ประสบความสำเร็จในสหรัฐอเมริกา ที่มีความเชื่อว่า ต้องเอาชนะตัวเองให้ได้ ก่อนจะเป็นผู้นำคนอื่น ซึ่งในวันนี้ความเชื่อนั้นพิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของปรัชญา ไพศาลวิภัชพงศ์ ผู้เปลี่ยนวงการโฆษณาให้กลายเป็นรูปแบบเสมือนจริงยิ่งขึ้นนั่นเอง…

แสดงความคิดเห็น

เกี่ยวกับเรา

ข่าวล่าสุด

ติดตามเราได้ที่