3) การพัฒนาแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ด้านอุทกวิทยา (Hydrology Model) “H08” และ “SiBUC”
ในการพยากรณ์หรือเตือนภัยสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับอุทกวิทยานั้น จำเป็นต้องอาศัยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ด้านอุทกวิทยาที่ซึ่งได้นำปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบมาพิจารณาครบถ้วน และมีการทดสอบความถูกต้องแม่นยำของแบบจำลองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพื่อปรับปรุงการพยากรณ์ให้มีความถูกต้องหรือใกล้เคียงมากที่สุดซึ่งซอฟต์แวร์แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ด้านอุทกวิทยาที่ยอมรับและใช้กันแพร่หลายนั้นมีราคาจำหน่ายนับสิบล้านบาท โครงการ IMPAC-T ได้ปรับปรุงซอฟต์แวร์ Hydrology Model “H08” และ SiBUC” ซึ่งเป็น Open Source หรือ Freeware ที่ใช้ได้ผลดีมาแล้วในประเทศญี่ปุ่นเพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในประเทศไทย ซึ่งได้มีการทดสอบผลและพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยมาจนเป็นที่มั่นใจแล้วว่าแบบจำลองให้ผลในการพยากรณ์ได้ใกล้เคียงกับสภาพความเป็นจริง จึงได้นำไปประยุกต์ใช้ในการสร้างระบบเตือนภัยน้ำท่วม
ในอนาคตมีโครงการที่จะขยายผลและเผยแพร่ Hydrology Model “H08” ไปสู่นิสิตนักศึกษาและอาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รายละเอียดเกี่ยวกับ H08 สามารถดูได้จาก http://impact.eng.ku.ac.th
4) โครงการ IMPAC-T กับการช่วยแก้ปัญหาและผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ในภาคกลางปี 2554
เมื่อเกิดน้ำท่วม กทม. ครั้งใหญ่ในปลายปี 2554 โครงการ IMPAC-T ได้ให้ความร่วมมือกับทาง JICA ในการพัฒนาระบบรายงานสถานการณ์น้ำท่วมแบบออนไลน์ให้กับรัฐบาลไทย ซึ่งเป็นโครงการเร่งด่วนมากจึงต้องอาศัยคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ (Servers) ของ IMPAC-T ที่มีอยู่ดำเนินการไปก่อน รวมทั้งการใช้ Hydrology Model “H08” ของ IMPAC-T ในการวิเคราะห์และคาดคะเนด้วย ต่อมาเมื่อระบบมีความพร้อมและเสถียรจึงได้ย้ายไปยังเซิร์ฟเวอร์ซึ่งในอยู่ความดูแลของกรมชลประทาน และได้เปิดให้บริการทั่วไปออนไลน์ 24 ชั่วโมงในช่วงฤดูฝน (พฤษภาคม-ธันวาคม) เรียกว่า Flood Risk Information ซึ่งสามารถดูได้จากเว็บไซต์ http://floodinfo.rid.go.th/
5) การพัฒนาระบบเตือนภัยดินถล่ม (Landslide Monitoring System)
ในปัจจุบันเมื่อฝนตกหนัก มักจะเกิดปัญหาดินถล่มในบริเวณพื้นที่ลาดชันหรือเชิงภูขาตามมาเสมอ โครงการ IMPAC-T ได้วิจัยและพัฒนาแบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อคาดคะเนความเสี่ยงของการเกิดดินถล่มในพื้นที่ลาดชันของประเทศไทย เพื่อนำเสนอเป็นแผนที่เสี่ยงภัยดินถล่ม (Landslide Hazard Map) และแจ้งเตือนให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ โดยได้นำผลการวิจัยไปใช้งานจริงในพื้นที่ซึ่งเกิดดินถล่มมาแล้วและยังมีความเสี่ยงภัยสูง ที่หมู่บ้านห้วยน้ำแก้ว อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ ซึ่งมีการทำงานร่วมกับชุมชนในพื้นที่จนประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง ซึ่งสามารถนำมาเป็นต้นแบบให้กับการติดตั้งระบบเตือนภัยดินถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัยอื่น ๆ ของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
6) การศึกษาวิจัยผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อพื้นที่ชายฝั่งทะเลประเทศไทย
โครงการ IMPAC-T ได้ตรวจวัดและเก็บข้อมูลการสูงขึ้นของระดับน้ำทะเลในบริเวณพื้นที่ 27 แห่ง ตามแนวชายฝั่งทะเลของประเทศไทย ซึ่งมีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 2,700 กิโลเมตร นอกจากนั้นยังได้ศึกษาวิจัยถึงการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลจากคลื่นและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ มีการประยุกต์ใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ (Brunn Model) เพื่อคาดการณ์ระดับน้ำที่สูงขึ้นในอนาคต และจัดทำพื้นที่เสี่ยงภัยต่อการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งสามารถดูผลได้จากเว็บไซต์ http://impact.eng.ku.ac.th
7) การพัฒนา Forcing Data สำหรับพัฒนาและทดสอบโมเดลทางภูมิอากาศและอุทกวิทยา ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา
ในการทำวิจัยและพัฒนาแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ด้านอุทกวิทยา (Hydrology Model) จำเป็นต้องมีข้อมูลที่เป็นจริงของสภาพภูมิอากาศ ให้ได้มากที่สุดเพื่อใช้ในการสร้างและทดสอบความถูกต้องของแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ต่อการคาดคะเนผลที่จะเกิดขึ้นเมื่อปัจจัยนำเข้าต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป โครงการ IMPAC-T จึงได้รวบรวมข้อมูลสภาพภูมิอากาศในบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาจากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งมีสถานีวัดอากาศ เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน เป็นต้น และแหล่งอื่นๆ ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเป็นระยะเวลาย้อนหลังนับ 10 ปี ซึ่งข้อมูลที่สำคัญได้แก่ ปริมาณฝนตกรายชั่วโมง ความเร็วลมรายชั่วโมง ความดันบรรยากาศรายชั่วโมง ความชื้นจำเพาะรายวัน การแผ่รังสีคลื่นยาวราย 3 ชั่วโมง การแผ่รังสีคลื่นสั้นรายวัน และอุณหภูมิผิวดินทุก 3 ชั่วโมง โดยได้นำข้อมูลที่ได้รับเหล่านั้นมาวิเคราะห์ความถูกต้องสมบูรณ์ด้วยกระบวนการทางสถิติ ได้ทำการคัดกรองข้อมูลที่ไม่แน่ใจว่าถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ทิ้งไป ทั้งนี้เพื่อให้ได้เป็นชุดข้อมูลภูมิอากาศที่เชื่อถือได้ว่าเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเรียกว่า “Forcing Data” ที่จะนำไปใช้ในการสร้างและทดสอบแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ต่าง ๆ ซึ่งได้ศึกษาวิจัยและพัฒนาขึ้นมา พร้อมกับได้เผยแพร่ให้นักวิจัย download นำไปใช้ได้ทางเว็บไซต์ http://impact.eng.ku.ac.th (Data Center) ซึ่งโครงการ IMPAC-T จะปรับปรุง “Forcing Data” ให้ทันสมัยและมีปริมาณเพิ่มมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
8) การคาดคะเนพื้นที่ภัยแล้งและการประเมินความเสี่ยงภัยแล้งต่อทำการเกษตรในลุ่มน้ำเจ้าพระยา
นอกเหนือจากศึกษาวิจัยเรื่องน้ำท่วมแล้ว โครงการ IMPAC-T ยังได้ศึกษาวิจัยถึงภาวะขาดแคลนน้ำหรือภัยแล้ง (Drought) ควบคู่ไปด้วย โดยได้พัฒนาโมเดลการประเมินความเสี่ยงต่อภัยแล้งในการทำเกษตรกรรมซึ่งให้ผลรวดเร็วในลักษณะที่ใกล้เคียงกับ real-time ทั้งนี้อาศัยข้อมูลดาวเทียมผนวกกับระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ นอกจากนั้นยังใช้ดัชนีภัยแล้งทางอุตุนิยมวิทยา (meteorological drought index) ในการคาดคะเนล่วงหน้า 3 เดือน ถึงพื้นที่เกิดภัยแล้งต่อการทำเกษตรกรรมในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบน รวมถึงการศึกษาและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีภัยแล้งทางอุตุนิยมวิทยากับผลของภัยแล้งที่มีต่อการปลูกพืช
10) การติดตั้งสถานีวัดอากาศอัตโนมัติ 30 แห่ง ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา
โครงการ IMPAC-T ได้ติดตั้งสถานีวัดอากาศอัตโนมัติ (Automatic Weather Stations) และสถานีวัดระดับน้ำ รวมไม่น้อยกว่าจำนวน 30 สถานี ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นการติดตั้งเสริมให้แก่กรมชลประทาน และ กรมอุตุนิยมวิทยา ในพื้นที่ซึ่งยังไม่มี โดยทุกสถานีจะส่งข้อมูลทางไกลผ่านทางระบบโทรมาตร (Telemetering) มายังศูนย์ข้อมูลใน กทม.
11) การออกแบบและพัฒนาการสื่อสารไร้สายระยะไกล และพัฒนาต้นแบบอุปกรณ์ Wireless sensor nodes
เนื่องจากมีสถานีวัดอากาศ จุดเฝ้าสังเกตหรือเซนเซอร์ตรวจจับบางแห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ GPRS/GSM หรือมีสัญญาณแต่มักจะเกิดปัญหา หรือ Cellular link ล่มบ่อยๆ ดังนั้นจึงต้องศึกษาวิจัยหาแนวทางที่ให้สามารถตรวจสอบหรือรวบรวมข้อมูลจากแหล่งดังกล่าวแบบ real time ได้ โครงการ IMPAC-T ได้ออกแบบและพัฒนา Real-Time, Fault-Tolerant Hybrid Network แบบ Wireless Sensor network พัฒนาต้นแบบอุปกรณ์ wireless sensor nodes ซึ่งทดสอบการใช้งานแล้วได้ผลเป็นที่พอใจ
12) การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Data Center)
โครงการ IMPAC-T ได้ใช้งบลงทุนประมาณ 30 ล้านบาทในการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Data Center) ขึ้นที่ชั้น 9 อาคารบุญสม สุวชิรัตน์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยงานหลัก ได้แก่ การประมวลผลข้อมูลที่ได้จากสถานีวัดสภาพอากาศของ IMPAC-T การปรับปรุงและ Update “Forcing Data” ให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น การ run หรือใช้โมเดลทางอุทกวิทยา “HO8” และอื่น ๆ การประมวลผลข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม การประมวลผลข้อมูลแผ่นดินถล่ม เว็บไซต์ของ IMPAC-T สื่อการเรียนการสอนอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฯลฯ ซึ่งได้มีการจัดหาและติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์สมรรถนะสูง(High Performance Server) และ Servers ย่อย อื่น ๆ อีกนับ 20 เครื่อง โดยศูนย์ข้อมูลดังกล่าวได้เปิดเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา
13) การเผยแพร่และตีพิมพ์ผลงานวิจัยจากโครงการ IMPAC-T
โครงการ IMPAC-T มีทุนสนับสนุนให้นักวิจัยไปนำเสนอหรือตีพิมพ์ผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีผลงานของนักวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการระดับสากลรวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 50 เรื่อง ซึ่งรายละเอียดสามารถดูได้จากทางเว็บไซต์ของโครงการ IMPAC-T ซึ่งโครงการได้จัดให้มีการสัมมนาทางวิชาการสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจทั่วไปอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เป็นประจำทุกปี นอกจากนั้นยังได้เข้าร่วมจัดการประชุมระดับชาติและนานาชาติอันเกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำที่สำคัญหลายครั้ง เช่น 2nd Asia Pacific Water Summit เป็นต้น